คืบหน้ายิง 3 ศพ เผย ลูกชายคนโตก่อเหตุยิงแม่-น้องสาว ก่อนยิงตัวตาย
จากกรณีพบศพ นางสาธิตา (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง นายปัน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 ลูกชาย และ ด.ญ.พิม (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ลูกสาว นอนเสียชีวิตในห้องนอน บนชั้นที่ 2 ของบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ตกอยู่ข้างเตียง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 17 ส.ค. หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยสภาพศพของนางสาธิตา และ ด.ญ.พิม มีรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 ตามร่างกายของทั้ง 2 คน ส่วนบริเวณมุมห้องนอน พบศพนายปัน นั่งพิงฝาเสียชีวิต มีรอยถูกยิงเข้าที่บริเวณปาก 1 นัด มือขวากำอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 อยู่
จากการสอบปากคำเพื่อนบ้านข้างเคียง ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงปืน หรือพบเหตุผิดปกติจากบ้านหลังดังกล่าว นับตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมากระทั่งมีผู้มาพบศพของทั้ง 3 คนในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยการรื้อค้น หรือมีลักษณะของการบุกรุกเข้ามาทำร้ายร่างกายจากคนภายนอก ขณะที่อาวุธปืนขนาด.38 ที่ใช้ยิง ก็ตกอยู่ในห้องนอนที่เกิดเหตุ และเป็นของนางสาธิตา พร้อมทั้งมีใบอนุญาตถูกต้อง ส่วนสามีและพ่อของเด็กทั้ง 2 คน เป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ขณะเกิดเหตุเดินทางไปทำงานที่ จ.กระบี่
จากการสอบสวนยังทราบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นางสาธิตา มีกำหนดประชุมที่ธนาคาร แต่ไม่ไปร่วม และติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ พนักงานจึงโทรศัพท์หาสามีของผู้ตายให้เข้ามาตรวจสอบ ทางสามีจึงโทรศัพท์หาน้องสาวของผู้ตายให้มาตรวจสอบ แต่มาถึงบ้านปิดประตูเงียบ เรียกก็ไม่มีเสียงขานตอบ และเมื่อสามีของผู้ตายเดินทางมาถึง จึงได้เรียกเพื่อนบ้านมาช่วยกันทุบกระจกเหนือประตู แล้วถอดกลอนเข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน จึงพบว่าเสียชีวิตแล้วดังกล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย โดยผู้ก่อเหตุอาจเป็นนายปัน เพราะมีอาวุธปืนตกอยู่ใกล้กับศพ ซึ่งน่าจะเริ่มต้นยิงผู้เป็นแม่ แล้วตามด้วยน้องสาว ขณะทั้งคู่กำลังนอนหลับ เนื่องจากมีลักษณะผ้าห่มคลุมร่าง และเลือดไหลลงมานองพื้น ก่อนที่นายปัน จะใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต เนื่องจากมีสภาพบาดแผลฉกรรจ์บริเวณใบหน้า และมือขวายังกำอาวุธปืน โดยสาเหตุอาจมาจากปัญหาบางอย่าง โดยทางญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนดำเนินการต่อไป
ที่มา : khaosod.co.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น